วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

โรคความดันโลหิตสูง และน้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวพลัส (Ricebran and Germ Oil Plus)

ทำไมโรคความดันโลหิตสูง จึงเป็นเพชฌฆาตเงียบ?

    ท่านทราบไหมว่า โรคที่คนปัจจุบันเป็นกันมาก และคนส่วนใหญ่ก็ไม่รู้ตัวเป็น คือ โรคความดันโลหิตสูง (Hypertension) แต่หากปล่อยให้เป็น โรคความดันโลหิตสูงไปนานๆ อาจนำมาซึ่งโรคร้ายอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย เช่น โรคไต ไตวาย  อัมพาต อัมพฤกษ์

          ร่างกายของเราทุกคนจะมีความดันโลหิต ที่จะคอยผลักดันเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย อัตราปกติหัวใจของคนเราจะเต้นอยู่ประมาณ 60-80 ครั้ง ความดันก็จะเพิ่มขณะที่หัวใจบีบตัวและลดลงขณะที่หัวใจคลายตัว คนปกติจะมีระดับความดันโลหิต 120/80-139/89 มิลลิเมตรปรอท แต่องค์การอนามัยโลกได้กำหนดไว้ว่า หากใครมีความดันโลหิตสูง 140/90 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเป็น โรคความดันโลหิตสูง

           ความดันโลหิตของคนไม่เท่ากันตลอดเวลา เพราะขึ้นอยู่กับสิ่งต่าง ๆ เช่น สภาพแวดล้อม ท่าทาง อากัปกิริยา เช่น วัดความดันโลหิตในท่านอน จะมีค่าสูงกว่าท่ายืน  รวมทั้งช่วงเวลาระหว่างวัน จิตใจ อารมณ์ ความเครียด อายุ เพศ เป็นต้น ก็เป็นสาเหตุให้ระดับความดันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
          โรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน แต่คนกว่า 70% มักไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้ ทำให้ไม่ได้รับการรักษาหรือการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องเหมาะสม แต่เมื่อเริ่มมีอาการแล้วจึงเริ่มใส่ใจรักษา บางครั้งก็อาจไม่ทันท่วงที

          ผู้ที่เป็น โรคความดันโลหิตสูง จะมีความดันโลหิตเลี้ยงไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายไม่สม่ำเสมอ นำมาสู่โรคต่าง ๆ เช่น โรคหลอดเลือดในสมองตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจและกล้ามเนื้อหัวใจ โรคไตวาย เส้นเลือดแดงใหญ่โป่งพอง อัมพาต อัมพฤกษ์ เป็นต้น ทำให้เสียชีวิตโดยเฉียบพลันได้

     โรคความดันโลหิตสูง แบ่งตามความรุนแรง ได้เป็น 3 ระยะคือ

           ระดับที่ 1 ความดันโลหิตสูงระยะเริ่มแรก ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 140-159/90-99 มม.ปรอท
           ระดับที่ 2 ความดันโลหิตสูงระยะปานกลาง ค่าความดันโลหิต ระหว่าง 160-179/100-109 มม.ปรอท
           ระดับที่ 3 ความดันโลหิตสูงระยะรุนแรง ค่าความดันโลหิต มากกว่า 180/110 มม.ปรอท

           การวัดความดันโลหิตควรจะวัดขณะนอนพัก และควรวัดซ้ำ 2-3 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความดันโลหิตสูงจริงๆ

          สาเหตุของการเป็นโรคความดันโลหิตสูง ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ส่วนใหญ่พบว่า โรคความดันโลหิตสูง ในกลุ่มคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีอาการป่วยบางประเภท เช่น อาการป่วยเกี่ยวกับสมอง ต่อมหมวกไต และต่อมไร้ท่อบางประเภท รวมทั้งโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น เช่น โรคโลหิตจางอย่างรุนแรง เบาหวาน เป็นต้น

          ผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง มักไม่ปรากฎอาการใด ๆ ให้ทราบ อาจพบอาการปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ เหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจมีอาการแน่นหน้าอก หรือนอนไม่หลับ สูญเสียความจำ สับสน มึนงง ซึ่งล้วนเป็นอาการเล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นจึงทำให้คนไม่เอะใจ จึงไม่ได้รับการรักษา และควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับเหมาะสม หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้

      ภาวะแทรกซ้อนของโรคความดันโลหิตสูง เกิดได้ 2 กรณีคือ

          1.ภาวะแทรกซ้อนจาก โรคความดันโลหิตสูง โดยตรง คือ

            ภาวะหัวใจวาย ที่เกิดจากหัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้ผนังหัวใจหนาตัว เกิดหัวใจโต และหัวใจวายตามมา หลอดเลือดในสมองแตก หรือตีบตัน

          2.ภาวะแทรกซ้อนจากหลอดเลือดแดงตีบ หรือตัน เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน หรือเรื้อรัง ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ รวมทั้งหลอดเลือดสมองตีบ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต ไตวายเรื้อรังจากการที่เลือดไปเลี้ยงไตไม่เพียงพอได้ รวมทั้งอาการตาบอด ที่เมื่อเป็นโรคความดันโลหิตสูง อาจทำให้หลอดเลือดแดงในตาค่อยๆ เสื่อมลง จนอาจมีเลือดออกที่จอตา ทำให้ประสาทตาเสื่อมจนตาบอดได้

         จากข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วย โรคความดันโลหิตสูง หากไม่ได้การรักษา อาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวาย 60-75% เสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองอุดตัน หรือแตกราว 20-30% และเสียชีวิตจากไตวายเรื้อรัง 5-10%


ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง
           1. ปัจจัยด้านพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมมีผลต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง พบว่า คนประมาณ 30-40% ที่บิดามารดาเป็นโรคความดันโลหิตสูง จะมีแนวโน้มเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากกว่า คนที่ไม่มีประวัติในครอบครัว

           2. ความเครียด หากคนมีความเครียดสูง อาจทำให้ความดันโลหิตสูงไปด้วย

           3. อายุ โดยปกติเมื่ออายุมากขึ้น ความดันโลหิตจะสูงขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับโรคความดันโลหิตสูง มักพบในผู้ที่อายุ 40-50 ปีขึ้นไป แต่ในอายุต่ำกว่านี้ก็สามารถพบได้เช่นกัน

           4. เพศ มักพบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังวัยหมดประจำเดือน


           5. รูปร่าง มักพบในผู้ที่มีภาวะน้ำหนักเกิน หรือคนอ้วนมากกว่าคนผอม

           6. เชื้อชาติ มักพบในคนอเมริกัน เชื้อสายแอฟริกา หรือกลุ่มผิวสี

           7. พฤติกรรมการกิน ผู้ที่ชอบทานเค็ม ทานเกลือ มักมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าคนปกติ

      น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวพลัส (Ricebran and Germ Oil Plus) เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น  ได้ผลจากการรับประทาน 100% เห็นผลจริง รวดเร็ว ชัดเจน จึงขายดีที่สุดในขณะนี้


       ผลิตภัณฑ์น้ำมันรำข้าวและจมูกข้าวพลัส (Ricebran and Germ Oil Plus)  กำลังได้รับความนิยมที่สุดในขณะนี้
ปริมาณและราคา 1 กล่องบรรจุ 60 แคปซูล ราคา 1,260 บาท
    อย. เลขที่ 12-1-13353-1-0083

สั่งสินค้าคลิกที่นี้

ดูข้อมูลที่   http://ricebransaibua.blogspot.com

สั่งซื้อและเป็นตัวแทนจำหน่ายที่

คุณ สายบัว  บุญหมื่น

โทร.088 415 3926

ID Line : bua300908

อีเมล์ sboonmuen@gmail.com    

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น